เดือนพฤศจิกายนถือว่าประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเป็นทางการแล้ว (แต่จะหนาวจริงไหมนั่นก็คือเรื่องต้องลุ้นดูเอา) ซึ่งช่วงนี้เพื่อนๆหลายคนคงเตรียมพร้อมเดินทางท่องเที่ยวรับลมหนาวกัน แต่สำหรับบางท่านอาจมีเวลาไม่มากและไม่สะดวกเดินทางไปไหนไกลๆ ผมจึงได้ทำกระทู้นี้ขึ้นมาให้เป็นตัวเลือกสำหรับคนมีเวลาน้อย โดยทริปนี้เป็นช่วงเวลาเดียวกันเมื่อปีก่อนที่ผมได้ไปสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีครับ
ออกเดินทางจากกรุงเทพฯเวลาประมาณบ่ายโมงโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งจุดแรกของทริปนี้คือถ้ำเขาบินอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งภายในถ้ำตระการตาไปด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงาม
การเดินทาง ตามเส้นทางหลวง 3087 สายราชบุรี-จอมบึง ระยะทางห่างจากจังหวัดประมาณ 20 กม. มีป้ายบอกทางไปยังถ้ำเขาบินชัดเจนตลอดการเดินทาง และจากป้ายทางเข้าเดินทางเข้ามาอีก ประมาณ 1.5 กม. ถนนลาดยางสะดวกสบายจนถึงถ้ำเขาบิน ใช้เวลาเดินทางจากรุงเทพโดยประมาณ 1.30 ชั่วโมง
เปิดบริการ : 8.00 – 16.00 น. ทุกวัน
บัตรเข้าชม : 20 บาท
______________________________________
ใช้เวลาชมถ้ำราวๆ 45 นาทีจึงออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปคือน้ำตกเก้าโจน ใช้ทางหลวง 3087 เข้าอำเภอสวนผึ้ง แล้วเปลี่ยนเส้นทางเข้าทางหลงชนบท 4068 ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
น้ำตกเก้าโจน น้ำตกจากหน้าผาสูงกลางหุบเขาในแนวเทือกเขาตะนาวศรีเป็นน้ำตกขนาดกลาง แบ่งเป็น 9 ชั้น มีน้ำตลอดปี หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่ช่วงที่ผมไปน้ำน้อยมาก จึงเดินสำรวจไปได้แค่สามชั้นจึงกลับ
สถานที่ต่อไปคือธารน้ำร้อนบ่อคลึง เดินทางโดยย้อนกลับมาเส้นทางหลวงชนบท 4068 ซึ่งธารน้ำร้อนบ่อคลึงจะอยู่บนเส้นทางก่อนไปถึงน้ำตกเก้าโจน ใช้เวลาจากน้ำตกมาที่นี่เพียง 10 นาที
ธารน้ำร้อนบ่อคลึงถือว่าเป็นธารน้ำร้อนที่ใกล้กรุงเทพฯมากที่สุด ธารน้ำร้อนกำเนิดจากน้ำแร่ไหลซึมจากน้ำใต้ดินผ่านซอกหินจากเทือกเขาตะนาวศรี ไหลลงมาไม่ขาดสายตามลำธารเล็กๆ ผ่านก้อนหินกรวดทรายและป่าไม้เบญจพรรณ เป็นระยะทางประมาณ 150 เมตร ลงมายังบ่อน้ำร้อนด้านล่าง บ่อน้ำแร่ร้อนที่นี่มีบรรยากาศแบบไทยๆ อย่าคาดหวังถึงความสวยงามเหมือนออนเซนของญี่ปุ่น แต่ประโยชน์ที่ได้จากวารีบำบัดถือว่าคุ้มค่ากับการเดินทางมา
______________________________________
หลังจากแช่น้ำร้อนจนสบายตัวแล้ว ประจวบกับใกล้ถึงเวลาที่บ่อน้ำพุจะปิด ( เวลาเปิดปิด 08.00 – 17.00 น.ค่าบริการ คนไทย – ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท ) ก็ได้เวลาไปยังที่พักสำหรับคืนนี้กันครับ โดยโรงแรมที่ผมใช้บริการคือ La Toscana สวนผึ้ง การเดินทางผมย้อนกลับไปที่เส้นทางหลวง 3087 และตาม GPS นำทางไปเรื่อยๆ จากบ่อน้ำร้อนไปถึงโรงแรมราวๆ ครึ่งชั่วโมงครับ
ทิวทัศน์ระหว่างเส้นทาง
ห้องพักที่ผมเลือกคือแบบ Palazzo Bath Suite, La Toscana สวนผึ้ง จะตกแต่งสไตล์คลาสสิกคล้ายๆเหมือนว่าเราอยู่ชนบทที่ไหนสักแห่งของอิตาลี ห้องพักสวยงาม สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปตามมาตรฐานโรงแรมสี่ดาว
วิวในตอนเช้า
บริเวณสระว่ายน้ำ
ส่วนของล็อบบี้ ชั้นบนเป็นห้องอาหารบริการอาหารเช้า รสชาติทั่วไปตามมาตรฐานอาหารโรงแรม
มีแพะด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเช้าและอ้อยอิ่งสโลว์ไลฟ์กันสักพัก จึงเช็คเอ้าท์และไปยังจุดหมายสุดท้ายของทริปคือไปดูแกะกันที่ The Scenery Vintage farm
ที่นี่เหมือนจะกลายเป็นแลนด์มาร์ค เมื่อใครมาสวนผึ้งจำเป็นจะต้องมาที่นี่ให้ได้ โดยเฉพาะการให้อาหารและถ่ายรูปกับฝูงแกะแสนน่ารัก นอกจากฝูงแกะแล้วที่นี่ยังมีบริการอาหาร เครื่องดื่ม ขนม มีมุมเกมส์ให้เล่นเช่นยิงธนู ร้านขายของที่ระลึกและห้องพักอีกด้วย เปิดบริการทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 10:00-18:00 น. เสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 8:30-18:30 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็กต่ำกว่า 120 ซม. 20 บาท